วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

กลุ่มที่7SP7


บริษัท S&P

ประวัติความเป็นมาของบริษัท



กลุ่มธุรกิจร้านอาหารและเบเกอรี่ภายใต้เครื่องหมายการค้า “เอส แอนด์ พี” ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 โดยเริ่มต้นจากการเป็นร้านขายไอศกรีม อาหาร และของว่างในซอยสุขุมวิท 23 (ซอยประสานมิตร) ซึ่งได้รับความนิยมและการตอบรับจากลูกค้าจำนวนมาก จึงมีแนวคิดในการขยายประเภทธุรกิจเพิ่มขึ้นด้วยการทำธุรกิจร้านเบเกอรี่ และประสบความสำเร็จจากการเป็นผู้นำในการผลิตเค้กแต่งหน้าตามสั่งและเค้กลายการ์ตูนรายแรกในประเทศไทย รวมทั้งการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ธุรกิจอาหารและเบเกอรี่ของร้านได้รับความนิยมแพร่หลายในกลุ่มลูกค้า ส่งผลให้มีการขยายสาขาอย่างรวดเร็วในแหล่งทำเลที่สำคัญทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด โดยในปี 2523 เอส แอนด์ พี ได้เปิดตัวสาขาสยามสแควร์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นเจ้าแรกๆ ที่นำกลยุทธ์ด้านการตลาดร้านอาหารมาใช้ อาทิ ระบบหน้าม้าและสื่อโฆษณาทางวิทยุ นอกจากนี้ เอส แอนด์ พี ยังเป็นผู้นำเทรนด์ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าอีกด้วย สำหรับในต่างจังหวัดนั้น จังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นจังหวัดแรกที่ เอส แอนด์ พี มีการขยายสาขาออกไป
ในปี 2532 บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทมีการลงทุนและขยายงานทั้งทางด้านธุรกิจร้านอาหารและการผลิตเบเกอรี่อย่างต่อเนื่อง ภายใต้แบรนด์ “เอส แอนด์ พี” ประกอบด้วย ธุรกิจร้านอาหารเอส แอนด์ พี และธุรกิจเอส แอนด์ พี เบเกอรี่ช้อพ โดยมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น บริษัทสามารถสร้างเครื่องหมายการค้า “เอส แอนด์ พี” ให้เป็นที่ยอมรับได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้บริษัทยังสามารถนำเสนอและสร้างแบรนด์ใหม่ๆ ให้เป็นที่ยอมรับแก่กลุ่มลูกค้าในระดับต่างๆ อย่างแพร่หลาย ได้แก่ ร้านอาหารไทยร่วมสมัย “Patara” ร้านอาหารนานาชาติ “Patio” กลุ่มร้านอาหารในบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง “Vanilla” ร้านกาแฟ “BlueCup” ผลิตภัณฑ์ขนมไทย “Simply Thai” คุกกี้ “Delio” วุ้นคาราจีแนน “Jelio Jelly” และที่สำคัญคือ เอส แอนด์ พี ถือเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาธุรกิจการจำหน่ายขนมไหว้พระจันทร์ตรา “S&P” และ “มังกรทอง” ด้วยการบรรจุในซองสวยงามที่ช่วยรักษาคุณภาพขนมได้นานขึ้น พร้อมบรรจุภัณฑ์ดีไซน์หรูและทันสมัย
ในปี 2533 บริษัทได้มีการขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศ โดยได้เปิดร้านอาหารไทยแห่งแรกภายใต้ชื่อร้าน “ภัทรา” (Patara Fine Thai Cuisine) ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษด้วยต้องการให้ชาวต่างชาติได้ลิ้มรสชาติอาหารไทยที่ดี มีคุณภาพ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ประกอบกับความนิยมของอาหารไทยในต่างประเทศมีมากขึ้น จึงมีการขยายร้านอาหารอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน เอส แอนด์ พี มีร้านอาหารไทยตั้งอยู่ใน 7 ประเทศทั่วโลก คือ อังกฤษ สวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรีย ไต้หวัน สิงคโปร์ จีน และมาเลเซีย รวมทั้งสิ้น 22 สาขา ภายใต้แบรนด์ที่หลากหลายทั้ง Patara, SUDA, Siam Kitchen, Bangkok Jam และ Bangkok Beat Bistro
บริษัทได้มีการวิจัยและพัฒนาด้านธุรกิจอาหารสำเร็จรูป รวมทั้งอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทานและผลิตภัณฑ์ไส้กรอก ภายใต้แบรนด์ “Quick Meal” และ “Premo” เพื่อตอบสนองต่อทัศนคติและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค บริษัทได้ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาด้านธุรกิจอาหารสำเร็จรูปอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สินค้าของบริษัทได้รับการยอมรับจากกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มขึ้น โดยเน้นจุดแข็งในด้านคุณภาพรสชาติ และความหลากหลายของเมนู และเพื่อให้การทำธุรกิจครบวงจรเพิ่มขึ้น กลุ่มเอส แอนด์ พี ได้มีการขยายฐานการให้บริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ภายใต้แบรนด์ “Caterman” บริการจัดส่งอาหารถึงบ้านและบริการอาหารปิ่นโต (Delivery: 1344) นอกจากนี้ เพื่อให้การบริการของบริษัทครอบคลุมกลุ่มลูกค้าได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น บริษัทก็ได้นำร้าน Maisen ซึ่งเป็นร้านหมูทอดที่มีชื่อเสียงที่สุดในกรุงโตเกียวมาเปิดบริการนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ในปี 2555 และในปี 2556 นี้ก็ยังได้นำร้านอาหารญี่ปุ่นแนวไคเซกิดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงมากของญี่ปุ่นเช่นกัน คือร้าน Umenohana มาเปิดให้บริการครั้งแรกนอกประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
ในปี 2556 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทดำเนินการมาครบ 40 ปี บริษัทยังคงมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาและสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อความเป็นผู้นำด้านธุรกิจร้านอาหารและเบเกอรี่แบบครบวงจรรวมทั้งการบริการที่ครอบคลุมช่องทางการจำหน่ายต่างๆ ในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยมีหลักปฏิบัติที่ยึดถือตลอดมา คือการนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพดี มีคุณค่ามาตรฐานสากลเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุด